เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2025 โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการรถกระบะ เปิดตัว Toyota Hilux TRAVO (ไฮลักซ์ ทราโว) เป็นครั้งแรกในโลก ณ ประเทศไทย
“TRAVO” มาจากคำว่า Travel + Move Forward สื่อถึงจิตวิญญาณของการเดินทางและการก้าวไปข้างหน้า โตโยต้าเลือกใช้ชื่อนี้เพื่อแยกไลน์ออกจาก Hilux ยุค REVO โดยจัดให้ TRAVO เป็นตัว “ยกสูง (Hi-Floor)” ซึ่งเน้นความอเนกประสงค์ พร้อมลุยและใช้งานในหลายรูปแบบมากขึ้น
TRAVO ถูกออกแบบด้วยแนวคิด “Cyber Sumo” ที่ผสมผสานความโฉบเฉียวและบึกบึน เข้ากับเส้นสายทันสมัย ทำให้ภายนอกดูทรงพลังและมีบุคลิกเป็นกระบะ Hi-Rider อย่างชัดเจน
โคมไฟ LED ดีไซน์ใหม่
ล้ออัลลอยขนาดใหญ่
กันชนหน้า-หลังและกระจังหน้าใหม่ ให้ความรู้สึกพรีเมียมและแข็งแรงขึ้น
ภายใน TRAVO ได้รับการอัปเกรดวัสดุให้ดูพรีเมียมมากขึ้น พร้อมเทคโนโลยีทันสมัย:
หน้าปัดแบบดิจิทัล (Digital) ให้ข้อมูลการขับขี่ชัดเจน
หน้าจออินโฟเทนเมนต์ รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย
ที่ชาร์จไร้สาย (Wireless Charger) และพอร์ต USB-C รอบคัน เพื่อรองรับการใช้งานอุปกรณ์ยุคใหม่อย่างเต็มที่
Hilux TRAVO ทุกรุ่นเบื้องต้นใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร รหัส 1GD-FTV พร้อมเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า
แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 500 นิวตันเมตร
มีทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดา (MT) และเกียร์อัตโนมัติ (AT)
ที่สำคัญ TRAVO ยังมีรุ่น ไฟฟ้า 100% (TRAVO-e) ด้วย โดยมีแบตเตอรี่ และระบบขับเคลื่อนที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้ในชีวิตจริง
TRAVO มาพร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับสูง:
ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC)
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAC)
ระบบเตือนมุมอับ (BSM) และเตือนรถตัดผ่านขณะถอย (RCTA)
ถุงลมนิรภัยหลายตำแหน่ง
กล้องมองหลังและเซนเซอร์รอบคัน
สำหรับรุ่นพรีเมียม จะมีระบบเบรกมือไฟฟ้า (EPB) พร้อม Auto Brake Hold เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน
TRAVO มีรุ่นหลัก 4 แบบ และรวมทั้งสิ้น 17 รุ่นย่อย เพื่อให้ครอบคลุมการใช้งานหลากหลาย
TRAVO Prerunner (2WD)
TRAVO 4TREX (4WD)
TRAVO Overland (เวอร์ชันหรู)
TRAVO Standard Cab 4TREX เป็นต้น
ช่วงราคาจำหน่ายอยู่ระหว่างประมาณ 789,000 บาท ไปจนถึง 1,366,000 บาท (รุ่นท็อป)